วิธีดูแลข้อเข่าเสื่อมด้วยตัวเอง ระยะ 1-4
ข้อเข่าเสื่อม คืออะไร ?
ข้อเข่าเสื่อม (Osteoarthritis of the Knee)
เป็นภาวะที่เกิดขึ้นเมื่อกระดูกอ่อนที่อยู่ระหว่างข้อเข่าถูกทำลายหรือสึกหรอ ซึ่งกระดูกอ่อนเหล่านี้มีหน้าที่ลดแรงเสียดทานและกระแทกระหว่างกระดูกข้อต่อ เมื่อกระดูกอ่อนเหล่านี้เสื่อมสภาพหรือถูกทำลาย กระดูกข้อต่อจะเสียดสีกันโดยตรง ซึ่งส่งผลให้เกิดอาการปวดและการเคลื่อนไหวของข้อเข่าลดลง
สาเหตุของข้อเข่าเสื่อม
- อายุ : ข้อเข่าเสื่อมมักเกิดขึ้นในผู้สูงอายุ เนื่องจากการใช้งานข้อเข่ามาเป็นเวลานาน
- เพศ : ผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะเกิดข้อเข่าเสื่อมมากกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะหลังวัยหมดประจำเดือน
- น้ำหนักตัว : น้ำหนักตัวที่มากเกินไปจะเพิ่มแรงกดที่ข้อเข่า ทำให้ข้อเข่าเสื่อมเร็วขึ้น
- การบาดเจ็บ : การบาดเจ็บที่ข้อเข่า เช่น การหกล้ม การเล่นกีฬา หรืออุบัติเหตุ สามารถทำให้เกิดข้อเข่าเสื่อมได้
- พันธุกรรม : หากครอบครัวมีประวัติของข้อเข่าเสื่อม ก็มีโอกาสที่จะเกิดข้อเข่าเสื่อมมากขึ้น
- การใช้งานข้อเข่า : การใช้ข้อเข่าในลักษณะที่หนัก เช่น การยืนหรือนั่งเป็นเวลานาน การยกของหนัก หรือการทำงานที่ต้องใช้ข้อเข่ามาก
ข้อเข่าเสื่อมระยะที่ 1
อาการของโรค
- มีอาการปวดเล็กน้อยบริเวณเข่าเมื่อทำกิจกรรมหนัก
- มีเสียง “กรอบแกรบ” หรือ “กรุบกรับ” ในข้อเข่าเมื่อเคลื่อนไหว
- อาการปวดมักจะหายไปเมื่อพักผ่อน
การรักษาทั่วไป
- ใช้ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เพื่อลดการอักเสบและปวด
- ใช้ยาแก้ปวดเฉพาะที่ เช่น ครีม หรือเจล
การรักษาที่เฮลท์ลิ้งก์คลินิก
- รักษาด้วยโปรแกรม Premium PRP 1 ครั้ง ทุก 1-2 เดือน
- รักษาด้วยโปรแกรมการฉีดแบบอื่นๆ ตามที่แพทย์แนะนำ
- โปรแกรมการกายภาพที่ออกแบบเฉพาะบุคคล
การป้องกัน
- หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่ต้องใช้ข้อเข่ามากเกินไป
- สวมใส่รองเท้าที่รองรับข้อเท้าและเข่าได้ดี
- รักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
การดูแลตัวเอง
- การใช้น้ำอุ่นหรือน้ำแข็งประคบบริเวณข้อเข่า
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- หลีกเลี่ยงการนั่งหรือยืนนานเกินไป
การออกกำลังกาย
- ออกกำลังกายเบาๆ เช่น การเดินหรือปั่นจักรยานเบาๆ
- การทำโยคะเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นของข้อเข่า
เมนูอาหารที่เหมาะสม
- บริโภคอาหารที่มีแคลเซียมและวิตามินดีสูง เช่น นม โยเกิร์ต ปลาแซลมอน
- บริโภคผักและผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น บลูเบอร์รี่ สตรอเบอร์รี่
สิ่งที่ไม่ควรทำ
- หลีกเลี่ยงการยกของหนัก
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่ใช้แรงกระแทกมาก เช่น การวิ่งหรือกระโดด
ข้อเข่าเสื่อมระยะที่ 2
อาการของโรค
- มีอาการปวดมากขึ้นและมีอาการบวมเล็กน้อยบริเวณข้อเข่า
- รู้สึกไม่สบายเมื่อทำกิจกรรมประจำวัน
- อาการปวดมักเกิดขึ้นหลังจากการเคลื่อนไหวเป็นเวลานาน
การรักษาทั่วไป
- การทำกายภาพบำบัดเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อรอบข้อเข่า
- การใช้ยาต้านอักเสบที่แรงขึ้นตามคำแนะนำของแพทย์
การรักษาที่เฮลท์ลิ้งก์คลินิก
- รักษาด้วยโปรแกรม Premium PRP 1 ครั้ง ทุก 1-2 เดือน
- โปรแกรมการฉีดอื่นๆ ตามที่แพทย์แนะนำ
- โปรแกรมการกายภาพที่ออกแบบเฉพาะบุคคล
การป้องกัน
- หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่ต้องใช้ข้อเข่ามากเกินไป
- สวมใส่รองเท้าที่รองรับข้อเท้าและเข่าได้ดี
- รักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
การดูแลตัวเอง
- การใช้น้ำอุ่นหรือน้ำแข็งประคบบริเวณข้อเข่า
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- หลีกเลี่ยงการนั่งหรือยืนนานเกินไป
การออกกำลังกาย
- ออกกำลังกายเบาๆ เช่น การเดินหรือปั่นจักรยานเบาๆ
- การทำโยคะเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นของข้อเข่า
เมนูอาหารที่เหมาะสม
- บริโภคอาหารที่มีแคลเซียมและวิตามินดีสูง เช่น นม โยเกิร์ต ปลาแซลมอน
- บริโภคผักและผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น บลูเบอร์รี่ สตรอเบอร์รี่
สิ่งที่ไม่ควรทำ
- หลีกเลี่ยงการยกของหนัก
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่ใช้แรงกระแทกมาก เช่น การวิ่งหรือกระโดด
ข้อเข่าเสื่อมระยะที่ 3
อาการของโรค
- อาการปวดมีความรุนแรงมากขึ้นและเกิดขึ้นบ่อยขึ้น
- รู้สึกถึงการตึงและขัดของข้อเข่า
- อาจมีการอักเสบและบวมมากขึ้น
การรักษาทั่วไป
- การฉีดยาสเตียรอยด์เพื่อลดการอักเสบและปวด
- การใช้ยาลดปวดที่แรงขึ้นตามคำแนะนำของแพทย์
การรักษาที่เฮลท์ลิ้งก์คลินิก
- รักษาด้วยโปรแกรม Premium PRP 1 ครั้ง ทุก 1-2 เดือน
- รักษาด้วยโปรแกรมการฉีดอื่นๆ ตามที่แพทย์แนะนำ
- โปรแกรมการกายภาพที่ออกแบบเฉพาะบุคคล
การป้องกัน
- หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่ต้องใช้ข้อเข่ามากเกินไป
- สวมใส่รองเท้าที่รองรับข้อเท้าและเข่าได้ดี
- รักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
- หลีกเลี่ยงการนั่งหรือนอนในท่าที่ทำให้เข่าตึงเป็นเวลานาน
- ใส่สนับเข่าเพื่อเพิ่มการรองรับและลดแรงกระแทก
- ใช้อุปกรณ์ช่วยเดิน เช่น ไม้เท้าหรือเครื่องพยุง
การดูแลตัวเอง
- การใช้น้ำอุ่นหรือน้ำแข็งประคบบริเวณข้อเข่า
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- หลีกเลี่ยงการนั่งหรือยืนนานเกินไป
- การทำกายภาพบำบัดที่บ้าน เช่น การยืดเหยียดเบาๆ
- การนวดเบาๆ บริเวณรอบข้อเข่า
การออกกำลังกาย
- ออกกำลังกายเบาๆ เช่น การเดินหรือปั่นจักรยานเบาๆ
- การทำโยคะเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นของข้อเข่า
- ออกกำลังกายที่ไม่ใช้แรงกระแทก เช่น ว่ายน้ำ
- การยืดกล้ามเนื้อและการฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบข้อเข่า
เมนูอาหารที่เหมาะสม
- บริโภคอาหารที่มีแคลเซียมและวิตามินดีสูง เช่น นม โยเกิร์ต ปลาแซลมอน ส้ม กีวี
- บริโภคผักและผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น บลูเบอร์รี่ สตรอเบอร์รี่
- อาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้า-3 สูง เช่น ปลาทูน่า ถั่วและเมล็ดพืช
- อาหารที่มีสารต้านการอักเสบ เช่น ขมิ้น ขิง
สิ่งที่ไม่ควรทำ
- หลีกเลี่ยงการยกของหนัก
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่ใช้แรงกระแทกมาก เช่น การวิ่งหรือกระโดด
- หลีกเลี่ยงการหมุนตัวอย่างรวดเร็ว
- หลีกเลี่ยงการขึ้นลงบันไดบ่อยๆ
- หลีกเลี่ยงการยืนนานๆ โดยไม่เคลื่อนไหว
- หลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวที่ทำให้ข้อเข่าตึงเกินไป
ข้อเข่าเสื่อมระยะที่ 4
อาการของโรค
- อาการปวดรุนแรงและต่อเนื่องแม้ในขณะพัก
- การเคลื่อนไหวของข้อเข่าลดลงอย่างมาก
- ข้อเข่าอาจมีการผิดรูปหรือบิดเบี้ยว
การรักษาทั่วไป
- การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเป็นทางเลือกสุดท้าย
- การใช้ยาลดปวดที่มีประสิทธิภาพสูงตามคำแนะนำของแพทย์
การรักษาที่เฮลท์ลิ้งก์คลินิก
- รักษาด้วย Premium PRP 1 ครั้ง ทุก 1-2 เดือน
- รักษาด้วย โปรแกรมการฉีดอื่นๆ ตามที่แพทย์แนะนำ
- โปรแกรมการกายภาพที่ออกแบบเฉพาะบุคคล
การป้องกัน
- หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่ต้องใช้ข้อเข่ามากเกินไป
- สวมใส่รองเท้าที่รองรับข้อเท้าและเข่าได้ดี
- รักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
- หลีกเลี่ยงการนั่งหรือนอนในท่าที่ทำให้เข่าตึงเป็นเวลานาน
- ใส่สนับเข่าเพื่อเพิ่มการรองรับและลดแรงกระแทก
- ใช้อุปกรณ์ช่วยเดิน เช่น ไม้เท้า หรือเครื่องพยุง
- ใช้อุปกรณ์อื่นๆ ช่วย เช่น รถเข็น
การดูแลตัวเอง
- การใช้เครื่องช่วยพยุงตัว เช่น วอล์คเกอร์ หรือเก้าอี้รถเข็น
- การทำกายภาพบำบัดภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญ
การออกกำลังกาย
- การทำกายภาพบำบัดเพื่อรักษาความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและความยืดหยุ่น
- การออกกำลังกายในน้ำเพื่อช่วยลดแรงกระแทกและเพิ่มความเคลื่อนไหว
เมนูอาหารที่เหมาะสม
- บริโภคอาหารที่มีแคลเซียมและวิตามินดีสูง เช่น นม โยเกิร์ต ปลาแซลมอน
- บริโภคผักและผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น บลูเบอร์รี่ สตรอเบอร์รี่
- อาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้า-3 และสารต้านการอักเสบ
สิ่งที่ไม่ควรทำ
- หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่ใช้แรงมากและเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ
- หลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวที่ทำให้เกิดแรงกระแทกหรือการบิดเบี้ยวของข้อเข่า
Facebook
Twitter