การดูแลตนเองหลังเข้ารับการรักษาข้อเข่าเสื่อม
ที่ เฮลท์ลิ้งก์คลินิก
ข้อควรปฏิบัติและคำแนะนำในการดูแลตนเอง
หลังเข้ารับการรักษาข้อเข่าเสื่อมด้วย PRP
กระบวนการฟื้นฟูข้อเข่าเสื่อมหลังฉีดเกล็ดเลือด (Platelet Rich Plasma, PRP) ให้พักผ่อนอย่างเพียงพอ ใช้ท่าทางที่ถูกต้อง ดูแลโภชนาการ ออกกำลังกายเบาๆ และติดตามการรักษาอยู่เสมอ เพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ และอาจต้องรับการผ่าตัด
1. รับประทานอาหารประเภทโปรตีนจากถั่ว และจากเนื้อสัตว์
เช่น นม หมู ไข่ ไก่ ปลา และวิตามินเสริมตามการแนะนำเพื่อให้ร่างกายมีสารอาหารเพียงพอในการบำรุงการเจริญเติบโตของเซลล์ให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม
เมื่อเกิดการบาดเจ็บ ร่างกายจำเป็นต้องนำกรดอะมิโนจากการทานโปรตีนมาใช้ในการซ่อมแซมร่างกายเป็นจำนวนมาก
การเพิ่มปริมาณการทานโปรตีน ในระหว่างกระบวนการรักษาและหลังรักษา ยังช่วยให้คุณภาพของ PRP ดีขึ้นและร่างกายฟื้นฟูได้เป็นอย่างดี
2. ดื่มนํ้าสะอาดวันละ 2-3 ลิตร
การดื่มน้ำสะอาดในปริมาณที่เหมาะสม จะช่วยเพิ่มระดับความชุ่มชื้นในร่างกาย ระบบการหมุนเวียนโลหิตและระบบการเผาผลาญไขมันของร่างกายจะทำงานได้ดีขึ้นตามไปด้วย
3. หลีกเลี่ยงหรือลดการดื่มเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์ ชา กาแฟ
คาเฟอีน จะขัดขวางการดูดซึมแคลเซียมของร่างกาย กระตุ้นให้ร่างกายขับแคลเซียมออกทางปัสสาวะมากกว่าปรกติ
ทำให้มวลกระดูกบางลง เสี่ยงเป็นโรคกระดูกพรุน และยังส่งผลต่อการดูแลฟื้นฟูภาวะข้อเข่าเสื่อมอีกด้วย
4. ลดการทาน การปรุงอาหารให้มีรสเค็ม รสจัด
เพราะโซเดียมจะทำให้ร่างกายบวมน้ำ เพิ่มอาการอักเสบ
5. ลดการทานอาหาร ประเภทของหวาน ของมัน ของทอด หรืออาหารที่มีไขมันสูง
เพื่อสุขภาพองค์รวม
6. งด หรือ ลดกิจกรรมที่ใช้กำลังขา หรือใช้กำลังในบริเวณที่รักษา
งดการยกของหนัก งอขาบ่อย หรือออกกำลังกายหนักๆ ในช่วง 1-3 วันแรกหลังการรักษา
7. ประคบเย็นบริเวณที่ทำการรักษา 1-2 วัน
เพื่อลดอาการอักเสบ
8. ทำกายบริหาร หลังผ่านการรักษาไปแล้ว 1-3 วัน
หลังการรักษา 1-3 วัน ควรทำกายบริหารหรือออกกำลังกายเบาๆตามคำแนะนำของผู้ชำนาญการอย่างน้อยวันเว้นวัน เพื่อยืดเหยียดเส้นเอ็นและมัดกล้ามเนื้ออย่างสม่ำเสมอ
ข้อปฏิบัติหลังการทำกายภาพบำบัดข้อปฏิบัติหลังการให้วิตามินผ่านทางหลอดเลือด (IV Therapy)
1. พักผ่อนให้เพียงพอ
เพื่อให้ร่างกายสามารถดูดซึมวิตามินและนำไปซ่อมแซมในส่วนที่สึกหรอได้อย่างเต็มที่
2. ดื่มน้ำให้เพียงพอ
อย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว เพื่อให้วิตามินทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
เพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพการทำงานของวิตามิน เเละหลีกเลี่ยงอาหารพวกหมักดอง
4. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มเเอลกอฮอล์ 1-2 วัน
เนื่องจากเเอลกอฮอล์มีผลต่อประสิทธิภาพต่อการทำงานของวิตามิน
5. อาจมีอาการปวดบริเวณที่ให้สารน้ำเเละวิตามิน
โดยปกติไม่เกิน 3-4 วัน หากมีอาการปวดสามารถประคบเย็นหรือรับประทานยาเเก้ปวด
6. สังเกตุอาการผิดปกติบริเวณที่ให้สารน้ำหรือตำแหน่งที่ให้วิตามิน
สังเกตุอาการผิดปกติบริเวณที่ให้สารน้ำหรือตำเเหน่งที่ให้วิตามิน หากมีข้อบ่งชี้ เช่น อาการปวด บวม เเดง ร้อน มีหนองไหล ร่วมกับมีไข้ ให้รีบพบแพทย์ทันที
ข้อปฏิบัติหลังการทำกายภาพบำบัด
1.เลี่ยงการออกกำลังกายหนักประมาณ 1-2 วัน
เลี่ยงการออกกำลังกายหนักประมาณ 1-2 วันเนื่องอาจจะมีอาการระบมได้
2.หลังจากทำกายภาพบำบัด 1-2 วันสามารถเริ่มออกกำลังกายเบาๆได้
หลังจากทำกายภาพบำบัด 1-2 วันสามารถเริ่มออกกำลังกายเบาๆได้ เพื่อยืดเหยียดกล้ามเนื้อ
3.ประคบเย็น 15-20 นาที บริเวณที่มีอาการปวด
หลังทำกายภาพบำบัดหากมีอาการปวดหรือระบมสามารถใช้การประคบเย็น 15-20 นาที บริเวณที่มีอาการได้
4.หากมีอาการปวดตึงสามารถยืดกล้ามเนื้อตามตามท่าที่นักกายภาพบำบัดให้
หลังจากทำกายภาพบำบัด 1-2 วันหากมีอาการปวดตึงสามารถยืดกล้ามเนื้อตามตามท่าที่นักกายภาพบำบัดให้และเปลี่ยนเป็นประคบอุ่นได้
นอกจากนี้ ควรหารองเท้าที่เหมาะสม และระวังอาการผิดปกติ การทำกายภาพตามคำแนะนำของแพทย์เป็นสิ่งสำคัญ และหากมีอาการไม่ปกติควรรีบติดต่อแพทย์โดยทันที